top of page

คู่ชีวิตที่เคียงข้างกันทั้งยามทุกข์และยามสุข


ree

แอดทำเพจนี้ที่มีกลุ่มผู้ติดตามค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นครอบครัวที่โยกย้ายมาอยู่ออสเตรเลีย และบางครอบครัวก็พาลูกเล็กอพยพมาอยู่ด้วยกันที่ต่างแดนนี้ด้วย


อีกหนึ่งปัญหาที่แอดได้คุยกับ followers มาตลอด คือเรื่องเราจะปรับ mindset ของตัวเองหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลียแล้วอย่างไรดี?


สิ่งที่ผู้ติดตามคู่สมรสที่โยกย้ายมาทั้งมาเรียนต่อ มาทำงาน หรือมาสร้างครอบครัวก็ดี ที่หลายคนได้ประสบกันคือ อาการที่เรียกว่า Trailing Spouse Syndrome (TSS) ซึ่งไม่ใช่อาการทางการแพทย์ แต่เป็นสภาพจิตใจของคนที่ต้องเสียสละตัวตนของตัวเอง เพื่อติดตามคู่ชีวิตไปยังต่างประเทศ ตามวัตถุประสงค์และจุดมุ่งหมายของครอบครัว


ต้องลาออกจากงาน จากลาเพื่อนฝูง ไม่ได้อยู่ร่วมกันกับญาติสนิท พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ต้องออกจากกลุ่มสังคม สภาพแวดล้อมที่เราคุ้นเคย เพื่อมาสานฝันที่บางครั้งก็ไม่ใช่ของเราด้วยซ้ำ


หลายคนกำลังเติบโตอย่างดีในหน้าที่การงาน มองเห็นภาพอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้าอย่างชัดเจน แต่กลับต้องศูนย์เสียตัวตนไป และต้องใช้เวลาในต่างประเทศไปกับการ "ปรับตัว" และการ "ค้นหาตัวตนใหม่" รวมถึงการ "ทำใจยอมรับ" กับสิ่งแวดล้อมใหม่ในปัจจุบัน


ยิ่งถ้าคุณมามีลูกที่ต่างประเทศด้วยนั้น ความกดดันจะไม่เป็นเพียงแต่ "ตัวเขา" และ "ตัวเรา" เพียงเท่านั้น แต่ยังมี "ตัวเล็ก" งอกเข้ามาในสมการเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย


ลำพังแค่แฟนเราก็เรียนหนักแล้ว ตัวเราเองก็ยังไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี แถมตอนนี้ก็มีตัวเล็กเพิ่มขึ้นมาอีก แล้วเราจะเป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับเค้าได้จริงๆหรอ กูยังเอาตัวเองไม่รอดเลย


----->


ปีก่อนแอดเคยได้โพสเรื่องของ stage of settling in ที่เป็นภาวะทางอารมณ์ที่นักโยกย้ายทุกคนต้องเจอครับ และถ้าคุณผ่านทั้ง 5 stages ไปได้ คุณจะสามารถปรับตัวและอยู่อาศัยในออสเตรเลียได้อย่างสบายมาก ... แต่ถ้าคุณผ่านมันไม่ได้ จิตใจของคุณจะอยากกลับประเทศไทยตลอดเวลา...แอดก็เป็นครับ แค่ไม่ได้มาเล่าให้ใครฟัง


อาการของ TPS คืออยู่ในช่วง stage ที่ 3 ก็คือ Fright and fight( or flight)


-----

Stage 3 : Fright

เมื่ออยู่ไปนานขึ้น คุณก็จะเริ่มเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีมากขึ้น เรื่องราวแย่ๆ เหล่านั้นกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่คุณปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ปัญหาการเหยียดชนชาติ และความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีที่พึ่งพาทั้งทางกายและทางจิตใจ ทั้งหมดนี้ทำให้คุณเครียด รู้สึกกังวลและเริ่มลังเลว่า ก่อนหน้านี้ที่เราคิดตัดสินใจถูกใช่ไม๊ เรายังรู้สึกแบบนั้นอยู่ใช่ไม๊?


ความเครียดจากค่าครองชีพ รายได้ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ความรักทางไกล (LDR) การหมดไฟ (Burnout) การรู้สึกขาดความมั่นใจในตนเอง (Low self-esteem) รวมถึงความรู้สึกคิดถึงบ้าน (Homesick) เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญไม่แตกต่างกันครับ


----------

ซึ่ง ณ ช่วงเวลาวิกฤติ (tipping point) นี้มีจุดเปลี่ยนในชีวิตซึ่งอาจเกิดจากสิ่งเล็กๆ เหตุการณ์ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มีอิทธิพลอย่างมากที่ทำให้เรานั้นเลือกจะตัดสินใจอยู่ต่อ (fight) หรือตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย (flight)

- คำพูดให้กำลังใจจากคนแปลกหน้าที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน

- การได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

- การกอด การมอบพลังบวกให้แก่กันของคู่ชีวิต


การมีเพื่อนคู่คิดที่ดี คือสิ่งสำคัญที่สุดใน stage นี้ เพราะถ้าคุณมีปัญหาในชีวิต แล้วคุณมีเพื่อนที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ปลอบโยนกันในวันร้ายๆ มันเป็นการเติมไฟในการใช้ชีวิตให้เรากับในประเทศที่ห่างไกลนี้ได้


คุณจะเริ่มมองว่า "ปัญหาไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นภารกิจและความท้าทายที่คุณต้องทำและก้าวข้ามให้สำเร็จ"


"คุณวางแผน ตั้งเป้าหมายโยกย้ายมาด้วยกันแล้ว การมาถึงออสเตรเลียได้นั้นเป็นเพียงแค่การก้าวเดินครั้งแรกเท่านั้นครับ หลังจากนี้มันจะมีอุปสรรคอยู่ตลอดทางเต็มไปหมด ... แต่อย่างน้อยคุณก็มีคู่ชีวิตที่จะก้าวเดินไปพร้อมกันได้“


คู่ชีวิตของเราหลายๆ คนเมื่อได้โยกย้ายมานั้นจะเริ่มรู้สึกเหงา ซึมเศร้า ไร้ค่า ศูนย์เสียเป้าหมายในชีวิต ไม่มีความสุขในประเทศนี้ และอยากเอาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่หลายคนก็ต้องทนต้องสู้ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายปลายทางของครอบครัวให้ได้ครับ


จะเป็นหน้าบ้านทำงานหาเงิน หรือจะเป็นหลังบ้านคอย support ให้ครอบครัวแข็งแรงมั่นคง


จะบทบาทไหนก็ต่างเป็นเจ้าของบ้านกันทั้งนั้นครับ ไม่มีใครสำคัญมากกว่าหรือน้อยกว่ากัน

Siam-Sydney Services Pty Ltd.

​Airport Transfer

Private Car Hire

​Private Tour

Thai Community in Australia

qrline
© 2025 Siam Sydney Services Pty Ltd Copyright
bottom of page