ความเครียดจากการโยกย้าย คือสิ่งที่ต้องเผชิญกันทุกคน
- namchasang .
- Oct 24, 2024
- 1 min read

ไม่ว่าคุณจะเตรียมตัวมาอย่างดีขนาดไหน แต่ทุกคนที่โยกย้ายประเทศ จะต้องเจอกับสิ่งที่เรียกว่า สภาวะทางอารมณ์จากการตั้งรกราก (emotional stages of settling in) ไม่มากก็น้อย
การโยกย้าย เปรียบเสมือนยานอวกาศที่กำลังเดินทางไปที่ event horizon หรือภาษาออสซี่คือ woop woop area เพราะเราไม่รู้ว่าพอเจอของจริงแล้วมันจะเป็นอย่างที่วางแผนไว้ไม๊
“Ground control to Major Tom,
Commencing countdown engines on”
เป็นการซื้อตั๋วเที่ยวเดียวที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ในชีวิต และเมื่อเราเดินทางมาถึงเป้าหมายแล้ว ทางจิตวิทยาเราจะเจอสภาวะทางอารมณ์ที่หลากหลายในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยเรียกกันย่อๆว่า 5F
1. Forethought
2. Fun
3. Fright
4. Fight
5. Fit
เป็นช่วงเวลาวิกฤตใน 2 ปีแรก (หรือไวกว่านั้น) ซึ่งทุกคนที่ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านี้ได้แล้ว คุณจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา
----------
Stage 1 : Forethought
หลังได้ visa แล้วคือช่วงเวลาที่คุณมีความสุข คุณตื่นเต้นกับเส้นทางใหม่ในชีวิต คุณรู้สึกถึงอิสรภาพที่ได้เลือกทางเดินที่ต้องการ ได้ทำตามความฝันที่ถวิลหาในชีวิต คุณกระตือรือร้นที่จะหาข้อมูลต่างๆ โดยหวังว่าคุณจะประสบความสำเร็จในชีวิตในอนาคต
----------
Stage 2 : Fun
คุณประสบความสำเร็จได้โยกย้ายมาอย่างสมใจแล้ว ทุกสิ่งที่เห็น ทุกประสบการณ์ที่ได้สัมผัส มันช่างตรงกับความคาดหวังทุกอย่าง คุณรู้สึกภูมิใจในตัวเองว่าเราก็มีความสามารถและคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของตัวเอง
คุณเริ่มตื่นเต้นในการได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต ได้มาอยู่บ้านใหม่ อยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆวัน ขนส่งสาธารณะเดินทางสะดวก ทางเท้าดี อากาศดี หลายสิ่งหลายอย่างที่คุณเจอคือความรื่นรมณ์ ทุกสิ่งดีไปเสียหมดในความคิดคุณ
----------
Stage 3 : Fright
เมื่ออยู่ไปนานขึ้น คุณก็จะเริ่มเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีมากขึ้น เรื่องราวแย่ๆ เหล่านั้นกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่คุณปล่อยวางสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ปัญหาการเหยียดชนชาติ และความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีที่พึ่งพาทั้งทางกายและทางจิตใจ ทั้งหมดนี้ทำให้คุณเครียด รู้สึกกังวลและเริ่มลังเลว่า ก่อนหน้านี้ที่เราคิดตัดสินใจถูกใช่ไม๊ เรายังรู้สึกแบบนั้นอยู่ใช่ไม๊?
ความเครียดจากค่าครองชีพ รายได้ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ความรักทางไกล (LDR) การหมดไฟ (Burnout) การรู้สึกขาดความมั่นใจในตนเอง (Low self-esteem) รวมถึงความรู้สึกคิดถึงบ้าน (Homesick) เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญไม่แตกต่างกันครับ
----------
Stage 4 : Fight (or flight)
ช่วงนี้อยู่ช่วงเวลาวิกฤติ (tipping point) เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตซึ่งอาจเกิดจากสิ่งเล็กๆ เหตุการณ์ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่มีอิทธิพลอย่างมากที่ทำให้เรานั้นเลือกจะตัดสินใจอยู่ต่อ (fight) หรือตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย (flight)
- คำพูดให้กำลังใจจากคนแปลกหน้าที่เจอปัญหาแบบเดียวกัน
- การได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
- การกอด การมอบพลังบวกให้แก่กัน
การมีเพื่อนคู่คิดที่ดี คือสิ่งสำคัญที่สุดใน stage นี้ เพราะถ้าคุณมีปัญหาในชีวิต แล้วคุณมีเพื่อนที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ปลอบโยนกันในวันร้ายๆ มันเป็นการเติมไฟในการใช้ชีวิตให้เรากับในประเทศที่ห่างไกลนี้ได้
คุณจะเริ่มมองว่า "ปัญหาไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นภารกิจและความท้าทายที่คุณต้องทำและก้าวข้ามให้สำเร็จ"
----------
Stage 5 : Fit
ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาทำให้คุณเติบโตขึ้น คุณมีภูมิคุ้มกันต่อเรื่องร้ายๆ ที่จะผ่านเข้ามาในอนาคต รวมถึงคุณมีความแกร่ง (perseverance) ที่ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามาคุณพร้อมสู้ได้หมด
คนที่เริ่ม fit in หรือ blend in ได้แล้วจะเริ่มเข้ากับสังคมของที่นี่และใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียได้อย่างสบาย โดย stages of settling in นั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18-24 เดือน ขึ้นกับความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคน สำหรับคนที่มาระยะสั้น เช่น เรียนภาษา 6 เดือน ถ้าคุณผ่าน 3 เดือนแรกไปได้แปลว่าคุณพร้อมแล้วครับ
การย้ายมาต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกคนล้วนต้องพบเจอปัญหาระหว่างทางไม่ต่างกัน แต่การมีเพื่อนร่วมเดินทางที่เข้าใจความรู้สึกซึ่งกันและกัน มันทำให้เราไม่โดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง และรู้สึกสบายใจเมื่อเรารู้ว่าเราไม่ได้เดินคนเดียว
You will never walk alone.