10 ประสบการณ์จากชีวิตที่ Sydney
- namchasang .
- Nov 23, 2024
- 3 min read
Updated: Nov 24, 2024

ในอดีตแอดได้เคยมาเที่ยว Sydney บ้างครับ .. แต่พอวันนึงต้องมาอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในฐานะ Sydneysider ก็ทำให้มุมมองและความรู้สึกที่มีต่อเมือง Sydney แห่งนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ
ณ วันที่เรามาในฐานะนักท่องเที่ยวนั้น Sydney คือเมืองที่ใช้ชีวิตง่าย หาของกินง่าย เดินทางสะดวก แหล่งท่องเที่ยวมีค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับว่าความสนใจของตัวเราเองและครอบครัวมีรสนิยมแบบใด
ชอบชอปปิ้ง ? ชอบ Landscape ? ชอบธรรมชาติ? ชอบเทคโนโลยีและความสะดวกสบาย ? เมืองแห่งนี้มีให้ทุกอย่างครับ
แต่พอวันนึงเราได้มาอยู่ในฐานะผู้อยู่อาศัยแล้ว แอดรู้สึกว่า จริงๆแล้ว Sydney นั้นเป็นหนึ่งในเมืองที่เหมาะกับการตั้งรกรากมากที่สุดในโลก
แอดท่องเที่ยวมาแล้วทั่วโลกเกือบ 20 ประเทศ ส่วนแอดแม่นั้นเดินทางไปแล้วกว่า 50+ ประเทศทั่วโลก และเราคิดไม่ผิดที่เลือกเมืองแห่งนี้เพื่อให้เจ้าตัวน้อยมาเริ่มต้นชีวิตก้าวแรก และนี่คือ 10 สิ่งของ Sydney จากประสบการณ์ของตัวเองครับ
----------
1) Food scene is da best #1
ความเป็นพหุวัฒนธรรมทำให้เมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความหลากหลายทางอาหารและการกินเป็นอย่างมาก หลายๆชนชาติเมื่ออพยพย้ายถิ่นมาก็จะนำพาวัฒนธรรมอาหารมาด้วย ทำให้ Sydney มีร้านอาหารที่หลากหลายมาก ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย อินเดีย เนปาล ตุรกี อิตาลี ฯลฯ ซึ่่งชุมชน (Community) ของแต่ละชนชาติ (Ethnic group) ก็จะกระจายอยู่ตาม Suburb ต่างๆ รอบเมือง
.
ถ้าเพื่อนๆ อยากกินอาหารที่ต้นตำรับ (authentic) จริงๆ ให้ไปลองร้านที่อยู่ใน community ของชนชาตินั้นๆครับ ส่วนอาหารไทย สำหรับแอด Thaitown คือที่สุด มีความหลากหลายแบบที่คนไทยต้องการ อีกทั้งรสชาติยังเหมือนยกร้านจากไทยมาตั้งที่ Sydney ในราคามิตรภาพ
----------
2) Public transportation
เรื่องความสะอาด ความตรงต่อเวลา และมาตรฐานการซ่อมบำรุง (ก็พี่เล่นพังบ่อยเหลือเกิน 55) อาจไม่ใช่จุดเด่นของ Sydney ครับ แต่สิ่งที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับหลายๆเมืองทั่วโลกคือ ความสะดวกและการเชื่อมต่อระหว่างขนส่งสาธารณะแต่ละรูปแบบ ทั้ง bus-tram-train-ferry
ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาแอดต้องเดินทางเข้า CBD และ Thaitown อยู่เรื่อยๆ ด้วยความเป็นคนชอบลองของ ทำให้การเดินทางในแต่ละวันแอดเลือกที่จะใช้เส้นทางที่ไม่เหมือนกัน
- Circular Quay คือ Hub ที่เชื่อมต่อการขนส่งทั้ง Train-Tram-Bus-Ferry
- Central คือศูนย์กลางของ Train ที่เชื่อมต่อทุกมุมเมืองของ Sydney รวมถึงเส้นทางระหว่างรัฐ (interstate)
- Airport link จากสนามบินเข้าเมืองที่สะดวกและรวดเร็วมากๆ ใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
การออกแบบที่ดี ทำให้เราจะรู้สึกได้ว่าทุกสถานีทั้ง Bus stop, Train, Tram จะอยู่ในระยะที่เดินได้ไม่เกิน 200-400 เมตรทั้งหมด
----------
3) Public area, infrastructure and facility
คนที่มีลูกเล็กจะประทับใจในเรื่องนี้มากครับ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานมากๆ ที่เมืองไทยไม่มีครับ พอมาที่นี่ก็จะตาลุกวาว
แอดเคยลองเข็น pram (รถเข็นเด็ก) จาก Circular Quay ไป Darling Harbour เพื่อไป Tumbalong Park ครับ เราสามารถเข็นได้ไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่ราบเรียบ โล่ง ไม่มีตอไม่มีบ่อน้ำมาดัก แต่อาจจะมีจักรยาน Uber สวนกันบ้างครับ ซึ่งช่วงนี้ตำรวจก็กำลังกวดขันกันอยู่ โดนจับปรับไปก็ไม่น้อยครับ
สำหรับคนที่อาศัยอยู่ใน CBD ตัว Park น่าจะเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแล้ว และ Betty's Burger ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นก็เป็นร้านประจำร้านโปรดของแอดด้วย
แต่จริงๆ แล้วนั้น park, play yard และ public space นั้นมีอยู่ทุกที่ ทุก suburb กระจายอยู่ทั่วเมืองจริงๆ ครับ
อีกเรื่องนึงที่เป็นจุดเด่นในเรื่องการออกแบบ facility แอดอยากให้ลองไปสังเกต lift และ walkway สำหรับรถเข็นตามสถานีหรือพื้นที่สาธาณะครับ ส่วนใหญ่จะถูกออกแบบให้อยู่ในจุดที่สะดวกที่สุดและเดินน้อยที่สุด มีทางต่างระดับน้อยที่สุด
ส่วนบน train นั้นจะมีประตูที่ออกแบบสำหรับรถเข็น (มีป้ายสีน้ำเงิน) ซึ่งพอเข้าไปก็จะมีพื้นที่สำหรับลอครถเข็น และเมื่อออกจาก train แล้วก็จะสามารถขึ้น lift ได้ทันทีครับ
----------
4) well-behaved social manner and etiquette
ถ้าสนิทกันแล้วคน Sydney จะค่อนข้างพูดตรง จนบางครั้งก็คิดว่า ตรงไปไม๊ 55 แต่ถ้าในพื้นที่สาธารณะที่ต้อง share กับผู้อื่น คน Sydney ส่วนใหญ่จะมีมารยาททางสังคมที่ดีครับ การเข้าคิว การให้สิทธิกับเด็ก คนแก่และผู้พิการ การเคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่นั้นๆ ซึ่งความเป็นระเบียบเรียบร้อยเหล่านี้และเคารพกติกาของสังคมร่วมกันก็ทำให้เราใช้ช้วิตในเมืองนี้ได้ง่ายขึ้นครับ
----------
5) Bad driving manner lol
การที่ทุกคนเคารพกฎหมายทำให้การขับรถที่นี่ง่ายครับ แต่เหรียญก็ย่อมมี 2 ด้านเสมอ ซึ่งแอดได้ลองขับรถที่นี่มาสักพักแล้วก็รู้สึกว่า คนไทยนี่เด็กๆไปเลยเมื่อเจอความใจร้อนของคน Sydney เพียงแค่มีไฟเขียวแล้วคุณไม่เหยียบในทันที คันตามหลังก็พร้อมจะบีบแตรได้ตลอดเวลา 55 หรือถ้ากระทบกระทั่งกันมากๆ ก็พร้อมจะเปิดหน้าต่างด่ากันได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่เท่าที่เจอไม่มีลงมาต่อยกันนะครับ ... หรือยังไม่เจอก็ไม่รู้นะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนขับ bus ที่นี่ที่เหมือนทำตัวเป็นตำรวจจราจรนอกเครื่องแบบอยู่ตลอดเวลา เจอรถคันไหนขับช้า ขับแทรก ขับไม่ตามกฎ ก็พร้อมจะกวนส้น_น ได้ตลอดเวลา 55 คือกวนมากขนาดที่มีประชาชนฟ้องร้องเรื่องมารยาทของคนขับรถเมล์กันเป็นประจำเลยล่ะ
----------
6) Cashless society
จริงอยู่ที่เงินสดยังจำเป็นในการใช้จ่ายซื้อสินค้าต่างๆ แต่การอาศัยที่นี่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ครับ ทุกการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งซื้อของ ใช้ขนส่งสาธารณะ ทำธุรกรรมกับหน่วยงานรัฐ เราสามารถใช้บัตรแทนเงินสดต่างๆ รวมถึงบัตร travelcard ต่างๆ เพื่อใช้จ่ายได้เลย
แต่บางร้านนั้นก็มี service charge สำหรับการใช้บัตร (ประมาณ 1%) ดังนั้นการพกเงินสดก็ยังจำเป็นอยู่บ้างนะ
การติดต่อกับหน่วยงานรัฐ หรือการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การ sign บ้าน, วาง bond จ่าย deposit, จ่ายค่าบ้าน, การซื้อรถ, การรับเงินเดือน, การสมัคร Uber, การทำ police check, การจ่ายค่าบริการของ service NSW ฯลฯ ส่วนใหญ่ต้องชำระเงินผ่าน debit card หรือ Banking app ทั้งนั้นครับ
จึงทำให้การมีบัตร debit card, app ต่างๆ รวมถึง banking app ที่ออสเตรเลียจะทำให้การใช้ชีวิตที่นี่สะดวกขึ้นเยอะมากครับ
----------
7. Sleepless Sydney
อีกหนึ่งข้อดีของเมืองนี้คือ ถึงแม้ว่าคุณจะพึ่งเลิกเรียนตอน 22.00 คุณก็ยังหาของกินได้เสมอ
ในย่าน CBD ที่มีผู้คนเดินพลุกพล่านแม้อยู่ในยามวิกาล ร้านอาหาร minimart ร้าน fastfood ที่ยังเปิดแสงไฟส่องสว่างรอต้อนรับเราอยู่ ตั้งแต่ Darling Harbour ยาวมาจนถึง Chinatown และข้ามเลยมาจนสุดที่ Thaitown นี่คือพื้นที่ที่คุณจะฝากท้องได้เสมอ
Circular Quay ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินไป the rocks market, Harbour Bridge และ Opera house ก็เป็นอีกหนึ่งย่านที่ไม่เคยหลับไหลเช่นกัน เพราะทุกคนที่มา Sydney นั้นจะมี Opera House เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องมาเชคอินด้วยเสมอ ดังนั้น ไม่ว่าแสงแรกในยามเช้า หรือแสงสุดท้ายในยามเย็น สถานที่แห่งนี้จะมีผู้คนมาแวะเวียนถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา
อีกข้อสังเกตหนึ่งคือ Sydney เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อง racism หรือการเหยียดผิวมากนัก อาจจะเป็นเพราะเมืองแห่งนี้มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมาก … หรือไม่ก็เป็นเพราะ ตอนนี้ Asian ได้ยึดเมืองนี้ไว้หมดแล้ว 55 เพราะมีการคาดการณ์ไว้ว่า ไม่เกิน 10 ปี Asian จะกลายเป็น majority ของเมืองนี้แทนกลุ่มคนดั้งเดิม
—————
8.) Career opportunity
ในข้อนี้แอดพิสูจน์กับตัวเองมาแล้วครับว่า ที่ Sydney มีโอกาสในการทำงานให้กับ job changer อยู่เสมอ เพียงแต่ว่าตัวเราเองต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนที่จะเริ่มสมัครและเข้าสู่ตลาดแรงงานก่อนนะครับ
แอดแม่ปัจจุบันเป็นครู Tesol อยู่ที่ CBD ซึ่งสามารถหางานได้ตั้งแต่วันที่ 2 ที่บินมา Sydney ถ้าถามว่าทำไมถึงหางานได้ไวขนาดนี้ ก็ต้องตอบว่า เตรียมตัว เตรียมพร้อม และค้นหาข้อมูล แค่นั้นเลยครับ
แอดแม่เรียน Cert IV in TESOL ของออสเตรเลีย มาล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ไทยแล้วครับ พอเรียนจบแล้วก็ใช้เวลาหางานกับสมัครงาน พร้อมนัดวันสัมภาษณ์ทันทีเมื่อเดินทางกลับมา Sydney พอมาถึง Sydney แล้วก็ลุยตามแผนที่วางไว้ สุดท้ายก็สำเร็จตามที่ต้องการครับ
การทำงานของที่นี่จะผูกกับระบบ Australian Qualification Framework (AQF) ซึ่งหมายความว่า ทุกวิชาชีพจะมีคุณวุฒิวิชาชีพของตัวเองและการที่จะเข้าทำงานในตำแหน่งงานนั้นๆ ได้ คุณต้องมีวุฒิการศึกษาที่ตำแหน่งงานนั้นๆ กำหนดอยู่
คุณอยากจะเปลี่ยนงาน อยากย้ายสายงาน (Career changer) ก็สามารถทำได้เสมอ ตราบใดที่คุณมีคุณวุฒิ ไม่ว่าจะช่าง เชฟ บัญชี ไอที งานออฟฟิส แอดมิน HR งานฝีมือ ฯลฯ หรือถ้าคุณไม่มีคุณวุฒิ แต่คุณมีประสบการณ์ที่เพียงพอก็สามารถสอบเทียบคุณวุฒิได้เช่นกัน
หรือคุณจะมี gap year ไปทำตามความฝัน ไปทดลองทำสิ่งใหม่ๆ แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ก็สามารถทำได้ ตราบใดที่ทักษะและความสามารถติดตัวยังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานอยู่
----------
9) Cost of Living
ค่าวัตถุดิบ ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา ค่าซื้อรถ ฯลฯ เมื่อเทียบกับรายได้ที่นี่แล้ว ถูกเท่าไทยหรือถูกกว่าที่ไทยครับ
ตอนมาเที่ยวก่อนหน้านี้แอดต้องซื้อของกินตามร้านตลอดก็ยังรู้สึกว่าของที่นี่ราคาแพงจังจะไหวไม๊เนี่ย แต่พอได้มาอยู่จริงๆ ได้เดินซื้อของตาม super Aldi -> Coles -> Woolies -> Harris Farm (เรียงจากถูกไปแพง) ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมของเมืองไทยมันถึงได้แพงขนาดนั้นนะ มีกลไกอะไรที่ทำให้มันราคาถูกไม่ได้เหมือนที่ออสฯ หรอ
ล่าสุดพึ่งซื้อรถ ซื้อทีวี ซื้อเครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ ก็ยังมีราคาถูกกว่าที่ไทยแทบทุกอย่าง แต่ไม่นับรวมค่าเช่าบ้านนะครับ
----------
10) Competitive renting market
เพราะ Sydney คือเมืองที่มีราคาบ้านและอัตราค่าเช่าเฉลี่ย สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจาก Singapore และ Hongkong) รวมถึงในปีนี้ มีนักเรียนต่างชาติเดินทางกลับมา Sydney เป็นจำนวนมากที่ตัวเลขหลักหลายแสนคน ดังนั้นแนวโน้มเรื่องราคาบ้านเช่าไม่มีทางที่จะถูกลงได้ในเร็วๆนี้แน่นอน ซึ่ง Agent ที่แอดไปดูบ้านมาก็ยืนยันในเรื่องนี้เช่นกัน
ในอีกมุมหนึ่ง แอดแม่ได้เล่าให้ฟังว่า จากที่คุยๆกับนักเรียนในห้องมา หลายๆชาติ เช่น Thai, Brazil, Colombia, Japan ที่มาเรียนภาษาอย่างเดียวและไม่ได้สมัครเรียน Cert หรือ Diploma ต่อ มีหลายคนบอกว่า หลังจากที่พวกเขาเรียนจบ GE แล้วก็จะเดินทางกลับประเทศทันที เพราะสู้เรื่องราคาค่าเช่าบ้านที่เริ่มต้นกัน 400-500$ ไม่ไหว
สถานการณ์ในตอนนี้ น้องๆหลายคนที่ทำงานสาย hospitality ทำงานรับ after tax ได้ 18$ บางคนยอมทำงานรับ cash ที่ได้ต่ำกว่า 15$ ก็มีครับ
ส่วนใครที่ได้มากกว่านั้นก็ยินดีด้วยนะครับ แต่นี่คือความจริงที่ไม่สวยหรูของ Sydney สำหรับนักเรียนต่างชาติในตอนนี้ ถ้าหวังว่าจะเก็บเงินเป็นกอบเป็นกำอาจต้องทบทวนคิดใหม่ครับ แต่ถ้าตั้งใจจะย้ายมาที่นี่จริงอาจต้องวางแผนให้ระยะยาวมากกว่าการมาเรียนภาษาแบบ GE ครับ